การออกแบบบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าส่งออกมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ในการช่วยให้ผู้บริโภคในตลาดต่างประเทศสนใจและตัดสินใจซื้อ 

เนื่องจากส่วนมากการโฆษณาของสินค้าส่งออกจะไม่มีหรือน้อยมาก ถ้าเทียบกับสินค้าหลักที่วางขายอยู่แล้ว บรรจุภัณฑ์จึงเป็นเหมือนช่องทางโฆษณาหลัก

ซึ่งการออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อการส่งออกจะมีขั้นตอนการออกแบบที่แตกต่างจากการออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อขายในประเทศ 

 

สังเกตุมั๊ยว่าเมื่อเราไปเดินเลือกซื้อสินค้าที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต สินค้าแบรนด์ที่เราเห็นบ่อยๆ กับแบรนด์นำเข้าที่หน้าตาแปลกๆ ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างไร

บางแบรนด์จะใช้ภาษาบนบรรจุภัณฑ์เป็นภาษาของประเทศนั้นๆเลยด้วยเช่น ขนมที่นำเข้าจากจีน หรือ

 

ไวน์ที่นำเข้าจากเสปน เรารู้สึกอย่างไรกับหน้าตาแบบนี้

เราคงไม่กล้าซื้อของที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร หรือไม่มั่นใจว่ามันจะดีมั๊ย สิ่งที่จะช่วยได้คือการสื่อสารบนบรรจุภัณฑ์ มีส่วนอย่างมากในการที่ทำให้เรารู้สึกอย่างไรกับสินค้า 

 

โดยคำถามที่มักจะเกิดขึ้นว่า ควรจะใช้ดีไซน์เดียวกับสินค้าที่ขายในประเทศอยู่แล้วรึเปล่า คำตอบคือ ถ้าดีไซน์ที่ขายอยู่สามารถสื่อสารได้ชัดเจนว่าสินค้าคืออะไร ดียังไง

ก็ใช้ได้เลย แต่ถ้ายังไม่สื่อสารได้เข้าใจวง่ายพอก็ควรปรับดีกว่า เพื่อลดอุปสรรคในการซื้อ และให้ดีที่สุดก็ควรมีการทำ consumer test เพื่อเช็คอีกที

 

การออกแบบบรรจุภัณฑ์จะแบ่งออกเป็น 2 แนวหลักๆ คือ ออกแบบให้ดูเป็นสากล(Global brand) กับออกแบบให้มีความเป็นท้องถิ่น ซึ่งอันนี้เราควรดูจากหลายปัจจัยประกอบกัน

อยากแรกคือ จุดเด่นของสินค้าเรามีอะไรที่โดดเด่นด้วยความเป็นท้องถิ่นมั้ย เช่น ส่วนประกอบ แหล่งที่มา หรือประเทศที่ผลิตมีเรื่องราวหรือเอกลักษณ์ที่น่าสนใจมั้ย

ต่อมาคือเราต้องการวางรูปแบบการขายให้เป็นซื้อเป็นของฝากรึเปล่า ก็จะเหมาะกับการออกแบบให้มีความเป็นท้องถิ่น 

 

แต่ขั้นตอนพื้นฐานไม่ว่าจะขายสินค้าในหรือต่างประเทศ จะต้องศึกษาคู่แข่งก่อน ว่ามีแบรนด์ไหนบ้าง วิเคราะห์หาจุดสังเกตุว่าจะทำอย่างไรให้แตกต่างหรือดีกว่าที่มีอยู่

ซึ่งไอเดียจากต่างที่มีความได้เปรียบสูงที่จะสร้างความน่าสนใจในพื้นที่เจ้าถิ่น ที่มีรูปแบบเดิมๆ หรือไอเดียคล้ายๆกันในตลาด